
อยู่ไปนาน ๆ ให้ลูกหลานเคารพรัก ไม่ใช่ว่าอยู่นานเพราะกินข้าว แต่เมื่ออายุมากขึ้นแล้วจงใช้ชีวิตให้มีความสุขมากขึ้น ตามอายุของเรา เช่นนี้ชีวิตจะสุขมาก
1. อายุมากขึ้น แต่ต้องรู้จักตั ดใจ
บางสิ่งเมื่อสู ญเสี ยไปแล้ว ก็อย่าได้ยึดติด ปล่อยวาง คิดให้ได้ว่าเดิมทีมันก็ไม่ได้เป็นของเราอยู่แล้วและวันสุดท้ายในชีวิต คุณก็เอาอะไรไปไม่ได้แม่แต่อย่างเดียว จงตั ดใจให้ได้ในสิ่งที่สู ญไปแล้ว แล้วจะมีความสุขกับสิ่งที่ยังมีอยู่ได้
2. เมื่ออายุมากขึ้น ให้รู้จักปลง
ควรปล่อยวางเรื่องราวบางอย่าง ที่ควรต้องปล่อย ใจของคนเราแบกรับได้อย่างจำกั ด อย่าเอาแต่ฝังใจปล่อยวางตำแหน่ง ฐานะที่เคยดำรง วางอดีต แล้วจงเรียนรู้การใช้ชีวิตในปัจจุบัน ให้มีความสุขในวัยชราซะ
3. ควรที่จะรู้จัก วางอารมณ์
สังคมในอดีต ก็มีความย ากของคนในอดีตเช่นกัน ส่วนสังคมในปัจจุบัน ก็มีความย ากของคนในปัจจุบันฉะนั้น อย่าเอาความคิดของเรามาเป็นที่ตั้ง ไม่พอใจอะไร ก็ว่าลูกหลานเอาความคิดตนเป็นที่ตั้ง
หากทำเช่นนั้นครั้งหนึ่ง คุณธรรมจะหายไปครั้งหนึ่งเลยล่ะ วาสนาของลูกหลานหายไปส่วนหนึ่งนั่นเพราะพ่อแม่คือพระพรหมของลูก ถ้าคอยแช่ ง ด่ า ลูกหลานจะเจริญได้ยังไง
4. อายุมากขึ้น เปรียบดั่งไม้ใกล้ฝั่ง
ตั ณหาต้องลดลง ความโล ภ โกรธ หลง ต้องลด คุณธรรมความสุขุมจะต้องมากขึ้นนะความเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ต้องมาก เตือนตัวเองไว้เสมอว่า อยู่ให้ลูกหลานเคารพรักไม่ใช่ว่า อยู่ให้ลูกหลานเขา หวา ดกลั วจนลูกหลาน ไม่มีใครอย ากเข้าใกล้
5. ต้องรู้จักวางมือ ปล่อยวาง
คุณไม่มีทางทำงานไปได้ตลอดหรอกนะ หรืออยู่ดูแลลูกหลานไปจนวันสุดท้ายฉะนั้น ต้องรู้จักวางมือ ลูกหลานมีบุญวาสนา เขาทางเดินของลูกหลานเอง
ถ้าคิดแทนไปหมดทุกอย่างเลย คุณนั่นแหละที่จะเหนื่อยตลอดไป เพราะวันหนึ่งที่คุณจากไปพวกเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อได้ยังไงล่ะ การรู้จักวางมือคือการฝึก เชื่อใจในลูกหลานของเรา และเป็นการส่งเสริมเขาไปในตัวด้วย
ที่มา : นุสนธิ์บุคส์