Home มุมมองชีวิต 8 นิสัยรั้งตัวเองกับความจน เพราะแบบนี้ถึงไม่รวยสักที

8 นิสัยรั้งตัวเองกับความจน เพราะแบบนี้ถึงไม่รวยสักที

คำถามคือ แล้วเงินที่ได้เพิ่มขึ้น…หายไปไหนพฤติก ร ร ม 8 สิ่งนี้ที่เราอาจทำโดยไม่รู้ตัว

และทำให้ไม่รวยสักทีดังนั้นถ้าอย ากรวยก็เลิกทำแบบนี้ซะ

1.สนใจแต่ “ปัจจุบัน” ไม่สนใจ “อนาคต”

เมื่อเจอกับปัญหา หลายคนเลือกที่จะเดินหนี หันหลังให้ หรือบ่ายเบี่ยงไป

ทำอย่ างอื่นและปัญหาก็ยังคงกองอยู่ตรงหน้าเหมือนเดิม แถมอาจหนักขึ้นจนเข้าขั้นวิกฤติได้ในอนาคต

ในเรื่องของการเงินก็เช่นกัน หลายคนสนใจกับความสุขในวันนี้กินอิ่ม ปาร์ตี้สนุก

เที่ยวถี่ใช้ให้เต็มที่ทั้งที่รู้ว่ายังไม่มีเงินเก็บสำหรับอนาคต ไม่มีเงินสดสำหรับย ามฉุกเฉิน

ไม่เคยวางแผนการเงินไม่เคยแม้แต่จะลงมือทำและปัญหาก็ยังคงเป็นปัญหาเช่นเคยคงดีกว่า

ไม่น้อยถ้าการตัดสินใจใช้เงินทุกครั้งเราได้ฉุกคิดถึง “อนาคต” บ้าง…บ้านผ่อนหมดยัง

หนี้บั ตร เ คร ดิ ตจ่ายเต็มวงเงินแล้วใช่มั้ย? เงินก้อนที่ตั้งใจเก็บตอนนี้ได้เท่าไหร่เกษียณ

ที่ว่าต้องใช้เงินเยอะเรามีแค่ไหนแล้ว? หัดอดเปรี้ยวไว้กินหวานบ้าง…

2.คิดว่า “เร็วเกินไปที่จะออมเงิน”

ในวันที่เรายังตื่นตาตื่นใจกับสิ่งรอบตัว อันนู้นก็ใช่ อันนี้ก็อย ากได้ อันนี้ก็กำลังมองหา ภาพลวงของ

“ความจำเป็น”ผุดขึ้นมาตรงหน้าและทำให้เราเสียทรัพย์อยู่เสมอ ทั้งที่สิ่งเหล่านั้นอาจเป็นแค่ “ความต้องการ”

มีก็ดี ไม่มีก็ได้ เลิกผลัดวันประกันพรุ่งและเริ่มออมเงินวันนี้ และเดี๋ยวนี้ จะ 10 100 1,000 10,000ก็ถือว่าเราได้เริ่มต้นแล้ว หลังจาก

นั้นสร้างวินัยให้กับตนเองด้วยการออมต่อเนื่องสม่ำเสมอแม้จะไม่อย ากออมก็ตามเพราะวินัย

คือ การทำสิ่งที่ “ต้องทำ” แม้จะ “ไม่อย ากทำ” ก็ตาม

3.ไม่สนใจ “ห นี้”

น้อยคนนักที่จะ “ไม่มีหนี้” แต่คนมีหนี้จำนวนมากกลับให้ความสำคัญกับการ “ชำระหนี้”

น้อยมากหรือบางคนไม่ให้ความสำคัญกับการจัดการหนี้เลยและนั่นก็ย่อมทำให้เขาเหล่านั้นตกอยู่ในวังวนของ “หนี้”

อย่ างไม่มีทางหลุดพ้นได้ เพราะเมื่อได้เงินมา ก็มัวแต่สนุกกับการใช้จ่าย กระทั่งดอกเบี้ย(หนี้)ทบต้นไปเรื่อยๆในทางตรงกันข้าม…

คนที่อย ากรวยจะ “กลัวหนี้” มากกกก และนั่นทำให้เขาเหล่านั้นให้ความสำคัญกับ

“หนี้”เป็นอย่ างแรกเมื่อมีรายได้เข้ามาก็จะรีบชำระหนี้ก่อนสิ่งอื่นใด กระทั่งเป็นไท ปลดระวางหนี้ได้สำเร็จ

4.ไม่เคยตั้ง “งบประมาณ” ในการใช้เงิน

บริษัทก็ยังมีงบการเงิน ทำโปรเจคยังต้องมีประมาณการณ์ค่าใช้จ่ายเรื่องการเงินส่วนบุคคลก็เช่นกันหลายคนไม่เคยตั้ง

“งบประมาณ”การใช้เงินเลย จะช้อปปิ้งปีใหม่ จะเที่ยว จะซื้อเสื้อผ้า ก็จัดเต็ม

และสุดท้ายก็เกินความจำเป็น เกินกำลังทรัพย์ของตัวเองและกลายเป็น “หนี้”ในท้ายที่สุดวิธีการที่ง่ายกว่าก็คือ

“ตั้งงบประมาณ” การใช้เงินทุกครั้ง

เช่น จะซื้อของวาเลนไทน์ให้คนรักไม่เกินกี่บาท, จะไปเที่ยวทริปกลางปีงบประมาณรวมเท่าไหร่

หลังจากนั้นยึดมั่นกับสิ่งที่ตั้งไว้ทำตามแผนไม่ใช้เกินงบรับรองว่าเราจะตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปได้อย่ างง่ายได้

5.แยกไม่ออกว่า “จำเป็น” หรือ “ต้องการ”

วิธีการแยกง่ายที่สุดก็คือต้องรู้ว่าสิ่งไหน…ต้องมี (จำเป็น) ขา ดไปแล้วจะใช้ชีวิตไม่ได้ เช่น ปัจจัย 4สิ่งไหนมีก็ดีไม่มีก็ได้

(ต้องการ)ขา ดไปแล้วยังใช้ชีวิตได้ แต่ถ้ามีแล้วชีวิตจะดีขึ้น

เช่น อาหารจานหรู เสื้อผ้าแ บ ร น ด์ เ น มหรือสิ่งไหนไม่จำเป็นต้องมีแต่ถ้าแยกไม่ได้และเอาอารมณ์

เป็นที่ตั้งอาจเป็นเหยื่อภาพลวงของ “ความจำเป็น”แน่นอน และก็ทำให้เรามีแต่จ่ายกับจ่าย ไม่มีที่สิ้นสุด

6.ใช้เงินเพิ่มขึ้น

ไม่ผิดหรอกถ้าคิดว่า “อย ากมีชีวิตที่ดีขึ้น” แต่อย่ าลืมว่าชีวิตที่ดีขึ้นไม่จำ

เป็นต้องมากับรายจ่ายที่มากขึ้นเพียงอย่ างเดียวลองใช้ชีวิตให้ง่ายขึ้น

เลิกเป็นนักสะสม สนุกกับการ M ix & M a t c h แค่นี้ก็ทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้นได้เพราะถ้าได้เงินเดือนเพิ่ม

แล้วใช้จ่ายเพิ่ม (มากกว่าเงินเดือนที่เพิ่ม)

สุดท้ายอาจได้แค่ “อย าก” มีชีวิตที่ดีขึ้นเพราะพฤติก ร ร มมือเติบอาจ

ก่อให้เกิดปัญหาตามมาโดยเฉพาะหนี้สินที่พอกพูนโดยไม่ทันตั้งตัว

7.เป็นสาวกเทคโนโลยี

ถ้าใครเป็นแฟนพันธุ์แท้เทคโนโลยีแล้วล่ะก็ จะรู้เลยว่าไม่มีวันหยุดสำหรับแก็ดเจ็ตต่างๆ

ยิ่งเราวิ่งตามเท่าไหร่เงินก็จะยิ่งไหลออกจากกระเป๋ามากขึ้นเท่านั้นและนั่นก็ทำให้รายได้ที่มากขึ้น “ไม่เคยพอ”

ต่อการตามเทรนด์เหล่านี้ไม่ผิดถ้าจะซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ไม่แปลกถ้าจะมีแก็ดเจ็ตคู่กายไม่ใช่เรื่องเกินจำเป็นหากจะมีอุปกรณ์พก

พามากกว่า 1 ชิ้นเพียงแต่เราต้องใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เราซื้อให้เต็มที่ และคุ้มค่า คุ้มราคาจริงๆ

8 .ไม่เคยจดเรื่อง “เงิน” ของตัวเอง

เข้าห้องประชุมก็จด นายสั่งงานก็จด ไปฟังสัมนาก็จดจดทุกเรื่องที่ทำเพื่อคนอื่นแต่หลายคนไม่เคยแม้แต่จะจดเรื่อง“เงิน”ของตัวเอง

ทั้งที่เป็นเรื่องที่ดีกับตัวเองแท้ๆ เพียงเพราะคิดว่าเรารู้อยู่แล้วว่า รับ จ่าย ออม

เท่าไหร่จริงอยู่ที่เราอาจรู้ความเคลื่อนไหวเงินที่เข้า-ออกในกระเป๋า แต่นั่นอาจเป็นแค่ก้อนใหญ่ๆเท่านั้น

(เงินเดือน-หนี้บั ตร เ คร ดิ ต (รวม)-หนี้บ้านต่อเดือน ฯลฯ)แต่รายจ่ายจิปาถะ กาแฟ ขนม เสื้อผ้า

อุปกรณ์แก็ดเจ็ตหรือแม้แต่ค่าใช้จ่ายปลีกย่อยก่อนจะรวมเป็นหนี้บั ตร เ คร ดิ ต

ก้อนใหญ่หลายคนไม่เคยแม้แต่จะสนใจ และนั่นก็เป็น “รูรั่ว”เล็กๆแต่สร้างผลกระทบยิ่งใหญ่ต่อสถานะการเงินโดยที่เราไม่รู้ตัว

ที่มา : จันทร์เจ้า

Load More Related Articles
Load More By ผู้เขียนบทความ
Load More In มุมมองชีวิต

Check Also

คน 7 ประเภทที่ทำให้คุณลำบากใจไปตลอดชีวิต

บ่อยครั้งที่การถูกขอความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไ … …